Magento สุดยอด E-commerce Platform

Platform สำหรับการสร้างเว็บขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด และเป็น Platform อันดับต้นๆ ที่นำมาใช้ในการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาจากแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Magento

Magento คืออะไร?

Magento เป็นระบบจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ (Content Management System – CMS) ตัวหนึ่ง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการทำ E-commerce โดยเฉพาะ ซึ่ง CMS ที่ออกแบบสำหรับ E-commerce ในปัจุบันก็มีหลายตัว  เช่น Woocommerce, Joomla Virture Mart, OsCommerce, PrestaShop, OpenCart เป็นต้น  ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีเอกลักษณ์หรือการใช้งานแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับ Magento นั้นถูกออกแบบมาเพื่อการทำระบบ Ecommerce โดยเฉพาะ  จึงทำให้ทุกฟังชั่นการทำงานรองรับได้หมด ไม่ว่าความต้องการจะซับซ้อนมากแค่ไหน Magento ก็สามารถปรับแต่งได้เสมอ และอาจจะเป็น Platform เดียวที่ระบบการทำงานครอบคลุม และสามารถตอบสนองต่อความต่อการของลูกค้าได้ ตั้งแต่ระบบการจัดการหน้าบ้าน และหลังบ้าน

 

Magento เหมาะกับใคร?

การสร้างเว็บไซต์นั้นไม่ได้มีราคาถูกๆ แถมยังมีซอฟท์แวร์อีกมากมายให้เลือกใช้ในท้องตลาด แล้วแบรนด์ที่กำลังเริ่มปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์ จะสามารถตัดสินใจไม่ให้พลาดได้ยังไง  เพราะการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับแบรนด์นั้นจะทำให้แบรนด์สามารถเติบโตไปได้อีกไกล แต่หากตัดสินใจผิดแล้ว ก็จะต้องสิ้นเปลืองทั้งแรงงาน แรงเงิน และเวลาในการรักษาระบบที่ไม่เหมาะสมนั้นไว้

Magento จะเหมาะสมกับธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ และแบรนด์สินค้าระดับโลก อย่าง Nike และแบรนด์แฟชั่น สัญชาติไทยอย่าง CPS ก็ใช้แพลตฟอร์ม Magento เช่นกัน

โดยทั่วๆ ไปแล้วสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือกลางนั้นจะใช้ Magento Community เป็นเวอร์ชั่นที่เปิดให้โหลดไปใช้กันฟรี (Opensource) แต่จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากต้องโหลด Extensions มาเสริมลูกเล่นให้กับเว็บไซต์

 

Magento มีกี่แบบ?


Magento นั้น แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

 

Magento Community เป็นแบบให้โหลดมาใช้ฟรี หรือที่เรียกว่า Open Source ซึ่งจะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง แต่ต้องมีคนที่มีทักษะด้านการเขียนโปรแกรม และอ่าน Code ได้ เพราะว่าตัวฟรีนั้น จะมี Bug ให้เข้ามาปวดหัวและให้แก้ไข จึงต้องอาศัยคนดูแล

Magento Enterprise เป็นแบบต้องจ่ายเงิน ราคาเริ่มต้นที่ 20,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี (รวมค่าฟังก์ชั่น Abandon Cart และการช่วยเหลือ) ซึ่งจะเหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งตรงนี้จะมีทีมของ Magento คอย Support ให้ตลอดเวลา

หลักๆ แล้ว ทั้ง Magento Community และ Magento Enterprise ค่อนข้างจะคล้ายกัน ต่างกันตรงที่ Magento Enterprise จะต้องจ่ายค่ารายปี ปีละ 20,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และจุดต่างที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ Magento Community ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงสำหรับป้องกันช่องทางในการชำระเงิน และความปลอดภัยอื่นๆ อย่างที่ Magento Enterprise มีแต่ Extensions ต่างหากที่จะทำให้เกิดข้อแตกต่างที่ชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณจะทำอะไรบ้าง ไม่ว่ามันจะเป็น Magento เวอร์ชั่นใดก็ตาม

 

Extensions คืออะไร?

คือ ระบบหรือฟังชั่นเสริมในการทำให้เว็บไซต์สมบูรณ์และทำงานได้หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากที่ระบบพื้นฐานเดิมของ Magento มีมาให้ ถ้าให้เปรียบก็คล้ายๆ กับแอพพลิเคชั่นที่คุณโหลดผ่าน ITunes Store, Play Store เวลาที่คุณซื้อ iPhone มา ก็จะมีแอพพลิเคชั่นพื้นฐานอย่าง Notes, Contacts หรือ Camera ที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว ซึ่งผู้ใช้งานก็มักจะต้องการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม เพื่อให้ iPhone สามาารถทำหน้าที่ได้หลากหลายมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าต้องการให้เว็บไซต์สามารถเลือกชำระเงินโดยบัตรเครดิตได้ 2C2P, omise, Kbank เป็นต้น เราก็ต้องติด Extension เสริมเข้าไปเพื่อให้เว็บตัดบัตรเครดิตได้ และยังมีรูปแบบอีกมากมาย

 

PROEN Any Cloud เป็นบริการ Public Cloud โดยคนไทย รองรับการให้บริการครอบคลุม Virtual Machine, Load Balance, Serverless, Docker, Kubernetes, WordPress, Magento, Database, CI/CD Developer tools

และแอปพลิเคชั่น อื่นๆ ที่สามารถติดตั้งง่ายเพียงแค่คลิกเดียวจาก Marketplace เช่น OPEN VPN, Jenkins GitLab, OwnCloud, Minio

 

สนใจทดลองใช้ PROEN Cloud ฟรี! 14 วัน ลงทะเบียนได้ที่
https://www.proen.cloud/th/get-free-trials/
Tel: 02690 3888
E-mail: [email protected]